
U2
360 Tour
@ Wembley Stadium, London
August 14, 2009
จริงๆก็เคยมีประสบการณ์ตรงมาแล้วจากงาน Jeff Beck และ B.B. King (ไม่เคยเขียนถึง) ว่าคอนเสิร์ตประเภทที่ต้องบุ๊คที่นั่งเนี่ย ถ้าอยากดูแบบใกล้ชิด ก็ต้องจองก่อน และจ่ายแพงกว่าเสมอ
แต่ด้วยสภาพคล่องทางการเงิน (ใช้ศัพท์สูงเชียว) ในวินาทีที่กำลังจะคลิก ok ตอนจองบัตร U2 ที่ เวมบลีย์ มันอยู่ในช่วงติดขัด คล้ายจะเป็นนิ่ว (คือใกล้หมดตัวนั่นแหละ) ก็เลยกลั้นใจเลือกบัตรราคาถูกที่สุด โดยหารู้ไม่ว่าพอเข้าไปในสนามแล้วจะได้เห็น Bono, The Edge, Adam Clayton และ Larry Mullen Jr. ในฉบับย่อส่วนขนาดนี้

ดูซะ นี่ 30 ปอนด์ ถูกสุดแล้วนะสำหรับ เวมบลีย์ สเตเดี้ยม
สำหรับโชว์ในวันศุกร์-เสาร์ที่ 14-15 สิงหา นี่ก็ถือเป็นการออกสตาร์ท 360 Tour (ไอ้สัญลักษณ์ใช้แทนองศา มันอยู่ตรงไหนของคีย์บอร์ดวะ) ในสหราชอาณาจักรของ U2 หลังจากไล่เก็บตามสนามกีฬาใหญ่ๆในยุโรปมาเกือบครบแล้ว
ความพิเศษของโชว์นี้ คือเค้าว่ากันว่าจะเป็นคอนเสิร์ตทำลายสถิติจำนวนผู้ชมใน เวมบลีย์ สเตเดี้ยม ที่ของเดิมทำไว้ 83,000 คน โดย Foo Fighters ด้วย The Claw เวทีรูปแบบใหม่ที่จะทำให้ภายในสนามมีพื้นที่สำหรับจุผู้ชมได้เพิ่มขึ้นอีกห้าพันคน (ดูรูปเพิ่มเติมจาก http://monoeye.multiply.com/photos/album/10/The_Claw)

ทั้งฝรั่งทั้งกะเหรี่ยงไทยแห่กันมาดู U2 ที่ เวมบลีย์ วันละเกือบเก้าหมื่นคน
ไอ้ทีแรกก็ไม่รู้หรอกว่า 30 ปอนด์ ที่จ่ายไปเนี่ย จะอยู่ห่างจากเวทีขนาดไหน คือพอเดินเข้าไปแล้วถึงได้รู้คือต้องเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ เทียบแล้วก็น่าจะเกินห้าชั้น
พอหาเก้าอี้เจอเท่านั้น แม่เจ้า! 30 ปอนด์ ของหนู อยู่ห่างจากเวทีน่าจะเกินร้อยเมตรอย่างที่ตั้งชื่อไว้ด้วยซ้ำ คือมองลงไปนี่ถ้าแยกแยะออกได้ว่าไผเป็นไผบนเวที คงต้องถามว่ากินวิตามินอะไรลงไปบ้าง ถึงได้มีนัยน์ตาอย่างเหยี่ยว
สรุปคือก็เลยเหมือนเข้าไปนั่งกินบรรยากาศในเวมบลีย์ซะมากกว่า จะเห็นหน้าค่าตาของนักดนตรีบนเวที ก็ต้องอาศัยภาพจากจอทั้งสี่ด้านที่ติดไว้บน The Claw แทน

วงเปิดวงแรกเป็นลูกเต้าเหล่าใครมาจากไหนไม่รู้จริงๆ

ถัดมาเป็น Elbow ซึ่งก็ไม่ใช่แนวที่ชอบอีก แต่พอฟังได้
ตั้งแต่เปิดประตูตอนบ่ายสี่โมง กว่าที่พระคุณท่านทั้งสี่จะขึ้นเวทีได้ก็ล่อไปโน่นครับ สองทุ่มครึ่ง ยิ่งช่วงนี้ใกล้จะหมดซัมเมอร์ ตอน U2 เริ่มแสดง แดดเดิดก็หายหมดแล้ว (ช่วงหน้าร้อนเปรี้ยงๆที่อังกฤษนี่ อาทิตย์ตกตอนสามทุ่มกว่าโน่น)
เดาเอาว่าเหตุผลที่ต้องรอให้มืดค่ำก่อนถึงจะเริ่มโชว์ เพราะอาวุธไม่ลับของคอนเสิร์ตอย่าง The Claw นั้นมีไว้โชว์แสงสีตระการตาควบคู่ไปกับการแสดงบนเวที

นี่ซูมจนนอยส์กระจุยกระจาย ยังเห็น U2 แค่นี้

ตัวอย่างเบาะๆของแสงสีจาก The Claw
สารภาพบาปก่อนว่ายังไม่ได้ซื้อ No Line on Horizon มาฟัง (ไม่โหลดด้วย ใจแข็ง) ฉะนั้น ก็เลยแทบไม่รู้จักเพลงจากอัลบั้มล่าสุดเลย แต่สังเกตเอาจากปฏิกิริยาคนรอบข้างแล้ว ตอนเล่นเพลงจากชุดใหม่ คนก็ไม่ค่อยอินเหมือนกัน
คือก็เหมือนเป็นเรื่องปกติของวงดังๆ คือเวลาอินโทรของเพลงฮิตดังขึ้นมา คนดูก็เฮ ก็บิลด์อารมณ์ตามได้ทันควัน แถม U2 นั้นมีเพลงระดับฮิตค่อนข้างเยอะ ด้วยความที่ต้องยัดทั้งหมดลงภายในเวลาสองชั่วโมง หลายๆเพลงก็เลยต้องเล่นกันแบบควบบ้าง แทรกเพลงนี้ลงไปตรงท่อนกลางของเพลงโน้นบ้าง
นั่งดูไปซักพักก็เลยรู้สึกเหมือนเปลี่ยนบรรยากาศมาฟังเพลงของ U2 นอกสถานที่ยังไงชอบกล คือมันก็สนุกดีอยู่หรอกนะ แต่ด้วยความที่มันไกลจากเวทีมากไปหน่อย เลยรู้สึกว่ามันมีช่องว่างอยู่ ดูไปดูมาก็เลยเปลี่ยนไปสนุกกับการถ่ายรูป The Claw ที่เปลี่ยนสีไปมาตลอดเวลาแทน

นึกว่า War of The World ซะอีก
กว่าที่สมาธิกับเพลงจะกลับมา ก็โน่นปาเข้าไปช่วงท้ายแล้วตอนที่ Bono เอ่ยถึง Aung San Suu Kyi ขึ้นมา พอถึงตอนนี้ทุกคนคงรู้กันถ้วนหน้าว่ากำลังจะเล่น Walk On และระหว่างเพลงก็จะมีคน (น่าจะเป็นสตาฟฟ์ของวงนั่นแหละ) เดินสวมหน้ากาก Suu Kyi ขึ้นมายืนเต็มเวทีไปหมด
พอคลิกเข้าไปดูในเว็บของ U2 ก็จะมีหน้ากากแบบเดียวกันนี้ให้โหลดด้วย (http://www.u2.com/stream/article/display/id/4770) ถ่ายเสร็จแล้วก็ส่งไปตามอีเมลในเว็บไซต์นะ ไม่มีรางวัลให้ แต่เขาจะเอาไปโพสต์ในหน้า gallery ไว้โชว์ชาวบ้านได้
จริงๆเพลงนี้เป็นเพลงโปรดเลยนะ แต่ฝรั่งข้างๆที่ตอนแรกก็เป็นมิตรดี ไม่รู้มันเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า พอถึงเพลงนี้ กับช่วงที่ Bono พูดถึง Suu Kyi แม่มดันบ่นฉอดๆถึงผู้ก่อการร้ายอะไรขึ้นมาไปเรื่อย (เขาสู้กับรัฐบาลทหารไม่ใช่เหรอวะ) เลยเสียอารมณ์ไปนิดนึง

จบแล้ว...
ทีแรกหลังจากจบ One นึกว่าคุณพี่แกจะไม่อังกอร์ให้ซะแล้ว เพราะเวลาก็ใกล้จะถึงเคอร์ฟิวที่กำหนดไว้คือ 22.30 เข้าไปทุกที แต่ U2 ก็ยังกลับขึ้นมาเล่นอีกสามเพลงสั้นๆเป็นการส่งท้าย แต่ก็ยังอุตส่าห์ยังให้จบได้ตามกำหนดพอดี
เหตุผลที่ต้องเลิกเร็วกว่าปกติประมาณครึ่งชั่วโมง คือการระบายคนเกือบแตะหลักแสนมันใช้เวลาพอสมควร ก็ดูเอาเถอะ นี่ขนาดจบตั้งแต่สี่ทุ่มครึ่ง คืนนั้นกว่าจะกลับถึงบ้านก็ล่อไปตีหนึ่งโน่น ทรมานสังขารจริงๆ...
Set List
1. Breathe
2. No Line On The Horizon
3. Get On Your Boots
4. Magnificent
5. Beautiful Day/Oh Sweet Freedom
6. Mysterious Ways/Don't Stop 'Til You Get Enough
7. I Still Haven't Found What I'm Looking For/Stand By Me
8. Stuck In A Moment
9. Unknown Caller
10. The Unforgettable Fire
11. City of Blinding Lights
12. Vertigo/She Loves You
13. Crazy Tonight/Two Tribes
14. Sunday Bloody Sunday
15. Pride (In The Name of Love)
16. MLK
17. Walk on/You'll Never Walk Alone
18. Where The Streets Have No Name/All You Need is Love
19. One
Encore
20. Ultra Violet (Light My Way)
21. With of Without You/Shine Like Stars
22. Moment of Surrender
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น