
Johnny Winter
O2 Shepherds Bush Empire, London
Saturday 23 May, 2009
ช่วงนี้อัพเดตบล็อกต่อเนื่องขึ้นมาเล็กน้อย เหตุผลไม่ใช่อะไร นอกจากมีวัตถุดิบไว้ในมือแล้ว จะเก็บไว้ เดี๋ยวมันจะเต็มลิ้นชักความทรงจำเปล่าๆ เลยต้องมีการจดบันทึกไว้หน่อยกันเหนียว (จริงๆกลัวลืมมากกว่า)
อย่างที่บอกกล่าวกันไว้ ช่วงซัมเมอร์นี้ มีคอนเสิร์ตน่าดูเพียบ กระเป๋าก็เลยพลอยแห้งเหี่ยวไปด้วย นี่ยังดีที่หลายงานซื้อไม่ทัน อย่าง Lynyrd Skynyrd หรือ Pearl Jam ที่เปิดให้จองปุ๊บก็โดนกวาดเรียบไปต่อหน้าต่อตา ไม่งั้นคงได้ซีดเซียวยิ่งกว่านี้
พูดถึงเรื่องซีดแล้วก็เลยต้องโยงมาถึงมือกีตาร์ผิวเผือกคนนี้ Johnny Winter (ดื้อๆเลย)

บัตรราคา 20 ปอนด์ กับอีก 4.75 ที่ต้องจ่ายให้ Ticketweb เป็นค่าจอง
ถามว่าเป็นแฟนเพลงระดับเข้าเส้นของแกรึเปล่าคงไม่ใช่ แต่ในกรุเทปเก่าที่บ้านก็มีงานของแกอยู่หลายชุดเหมือนกัน
ยิ่งได้อ่านเรื่องของแกในหนังสือที่ Classic Rock ฉบับครบรอบสิบปีแถมมาให้ ก็เลยหันกลับมาสนใจความเป็นไปของแกมากขึ้น
เพราะถ้าย้อนกลับไปเมื่อสามสี่ปีก่อน Winter แทบจะหมดสภาพจนกลับเล่นกีตาร์ไม่ได้อีกแล้ว ด้วยความที่ติดยางอมแงมจนน้ำหนักลดฮวบฮาบเหลือไม่ถึง 90 ปอนด์
ชีวิตจะมากระเตื้องขึ้นเอาก็ตอนได้รับความช่วยเหลือจาก Paul Nelson ที่ปัจจุบันรับหน้าที่เป็นทั้งมือริธึ่มกีตาร์ ทั้งผู้จัดการส่วนตัวให้ กระทั่งกลับมามีงานชุกอย่างในปัจจุบัน
ลองเช็กดูโปรแกรมทัวร์ของแกแล้วก็โหดใช่เล่น เพราะต้องเล่นต่อเนื่องกันยาวแทบทุกคืนไปจนถึงเดือนธันวาคมโน่น
ส่วนโชว์ที่ลอนดอนก็มีแค่รอบเดียวคือที่ Shepherds Bush Empire นี่เอง
ลองเทียบกับ Brixton Academy ที่ไปดู The Black Crowes แล้ว ที่นี่ตั้งอยู่ในแถบที่ดูปลอดภัยกว่าเยอะ เพราะย่านแฮมเมอร์สมิธกับฟูแล่มนั้น ถือเป็นย่านของผู้มีอันจะกินอยู่ซักหน่อย (แต่มาเดินคนเดียวตอนเที่ยงคืนตีหนึ่งก็อันตรายนะ)
บริเวณด้านหน้าสถานที่แสดง รถราขวักไขว่ดีจริง (กรูจะถ่ายแบบโล่งๆไม่ได้เลย วิ่งมาเข้าฉากตลอด)
เรื่องความจุก็ไม่ถือว่าใหญ่โตซักเท่าไหร่ คือเต็มที่ราวๆสองพันคน แต่ด้วยความเป็นสถานที่เก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน วงดังๆที่เวลาอยากเล่นโชว์แบบไม่ใหญ่มาก ก็เลยมักจะเลือกมาใช้ที่นี่เป็นประจำ
หนนี้ด้วยความอยากลองไปเบียดเสียดอยู่แถวหน้าซักที เลยถือโอกาสไปยืนต่อคิวเข้าตั้งแต่ก่อนเวลาประตูเปิดราวๆชั่วโมง
แล้วก็สมหวังจนได้ เพราะฝรั่งอาจจะไม่ค่อยซีเรียสกับการได้ดู Winter ใกล้ๆซักเท่าไหร่ พวกหัวดำเลยได้ไปยืนเกาะรั้วด้านหน้าสุดสมอยาก แถมยังไปเลือกทำเลตรงกลางเวทีพอดีอีกต่างหาก

อุปกรณ์เครื่องใช้บนเวที ที่เห็นกลองชุดสองชุดนี่รวมของวงเปิดด้วย
เลยจากเวลาเปิดประตูตอนหกโมงครึ่งแค่ราวๆครึ่งชั่วโมง วงเปิดก็เดินขึั้นเวทีมาแบบไม่ต้องรอนาน
ในเมื่อเจ้าของงานเป็นบลูส์ วงเปิดจะให้ไปเล่นแนวอื่นคงไม่ได้ เพียงแต่ไม่หง่อมเท่า เพราะเป็นสาวน้อยวัยแค่ยี่สิบเศษๆเท่านั้น
Joanne Shaw Taylor นี่เข้าข่าย "ของแปลก" สำหรับวงการบลูส์ก็ว่าได้ เพราะทั้งเป็นผู้หญิง (สวยด้วยนะ) แถมยังเป็นคนเบอร์มิงแฮมที่ไม่น่าจะมีตรงไหนพาไปเฉียดกรายใกล้บลูส์ได้เลย แต่แนวที่เล่นกลับเป็นเท็กซัสบลูส์ที่ปรับสำเนียงกีตาร์ได้ดุเดือดมาก แถมฝีมือยังดีชนิดผู้ชายยังอาย

Joanne Shaw Taylor สาวน้อยจากเบอร์มิงแฮมแต่เล่นเท็กซัสบลูส์
ธรรมดาจะไม่ค่อยถ่ายวงเปิดมากขนาดนี้ซักเท่าไหร่ แต่น้องเค้าน่ารักเลยรัวชัตเตอร์เก็บภาพไว้เพียบเลย ฮ่าๆ...

ลีลาโซโล่บนเวที ใส่อารมณ์แบบเต็มเหนี่ยว ไม่มีห่วงสวย

เวทีที่เซตไว้สำหรับวงของ Winter ถ่ายเป็นแบบซีเปียเพิ่มความขลัง จะสังเกตเห็นว่ามีเก้าอี้ตั้งไว้ เพราะลุงแกมีปัญหาสะโพก ยืนเล่นไม่ไหวจริงๆ
หลัง Taylor กับเพื่อนลงไป ก็ถึงคิวสตาฟฟ์ขึั้นมาเซตเครื่องสำหรับวงของ Winter บ้าง ไม่นานเกินรอ Paul Nelson (กีตาร์) Scott Spray (เบส) Vito Liuzzi (กลอง) สามนักดนตรีแบ็กอัพก็ขึ้นมาอุ่นเครื่องหนึ่งเพลง

Paul Nelson (กีตาร์)

Scott Spray (เบส)

Vito Liuzzi (กลอง)
พอถึงคิวขึ้นเวทีของจริงสำหรับ Winter บอกได้คำเดียวว่าเห็นสภาพแกแล้วตกใจมาก คืออาจจะอายุ 65 ก็จริง
แต่ลองเอาไปเทียบกับ Mick Jagger ที่อายุเท่ากัน หรือ Eric Clapton ที่อ่อนกว่าแค่ปีเดียวแล้ว ต้องบอกว่าคนละเรื่อง คือ Winter นี่ดูเผลอๆนี่หง่อมกว่าอายุจริงด้วยซ้ำ

Johnny Winter ในวัย 65 งั่กจริงๆ
จากตำแหน่งที่ยืนอยู่นี่ คะเนแล้วห่างจากแกไม่เกินสองเมตร เลยมีโอกาสสังเกตแบบถ้วนถี่ซักหน่อย ให้เดาเอาว่าตาซ้ายเผลอๆอาจจะมองอะไรไม่เห็นด้วยซ้ำ คือปิดไปแล้วน่ะ แล้วเสียงก็แหบแห้งมากเวลาพูด จะเดินเหินก็ต้องใช้วิธีลากเท้าไปกับพื้น เหมือนกับคนป่วยหนัก
แต่ถ้าพูดถึงเรื่องกีตาร์แล้ว เสียงที่แกรีดออกจาก Erlewine Lazer บนตัก ยังเกรี้ยวกราดไม่ใช่เล่น
มันคงไม่ดุเท่ากับตอนเรี่ยวแรงยังดีก็จริง แต่สำหรับคนที่กีตาร์เป็นเหมือนอวัยวะส่วนหนึ่งของชีวิต ยังไงเสียงที่เปล่งออกมาก็ยังคงความขลังไม่จางหายอยู่ดี
ถ้าไม่เห็นภาพ ฟังแต่เสียง จะจับได้ว่าแก่ก็ตรงเสียงร้องกับเสียงพูดนี่แหละ เพราะฟังแทบไม่ได้ยิน จนหลายเพลงต้องสลับให้ Liuzzi มือกลองเป็นคนร้องแทน

Winter กับ Gibson Firebird ขณะเล่นเพลงประจำตัว Highway 61 Revisited
อีกเรื่องที่แสดงให้เห็นว่าเรี่ยวแรงแกเหลือไม่มาก ก็คือการตัดจบหลังจากเล่นไปแค่ชั่วโมงเศษๆ
แต่ยังอุตส่าห์สนองศรัทธาแฟน ด้วยการเดินงกๆถือ Gibson Firebird กีตาร์คู่ใจตัวเก่ากลับมาอังกอร์ให้อีกรอบ ในเพลงสุดคลาสสิค Highway 61 Revisited และก็เป็นเพลงเดียวด้วยที่แกโชว์ฝีมือสไลด์กีตาร์ที่เป็นลายเซ็นเฉพาะตัว
ถึงจะดูไปต้องลุ้นไปว่าลุงแกจะทนเล่นไหวจนจบโชว์รึเปล่า แต่บอกได้คำเดียวว่าทึ่งมาก แถมยังสนุกกว่าที่คิดไว้เยอะ
แถมยังได้อุทาหรณ์กลับมาว่าสงสัยจะต้องดูแลสุขภาพตัวเองซักหน่อยแล้ว ถ้าไม่อยากเห็นตัวเองตอนอายุ 60 เดินแทบจะไม่ไหวแบบนี้ เฮ่ออออ...