วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

แอบดูเต่าทอง (ภาคจบ)

เบี้ยวมาก็หลายเพลาอยู่ งานประจำก็ยังค้างคา ไอ้ที่ไปรับปากชาวบ้านเค้าเรื่องโน้นเรื่องนี้ก็ทำไม่เสร็จซักอย่าง แต่ก็ยังอุตส่าห์ดิ้นรนกลับมาเขียนเรื่องนี้ต่อจนได้ละน่า...

ความเดิมจากภาคต้นคือ เราทิ้งท้ายกันไว้ว่าจะพาไปเที่ยวแลนด์มาร์คที่ข้องแวะกับ เดอะบีทเทิลส์ "แบบเสียตังค์" กัน นั่นคือพิพิธภัณฑ์ The Beatles Story ตรงย่านอัลเบิร์ต ด็อคนั่นเอง

ท้าวความกันซักเล็กน้อยว่า อัลเบิร์ต ด็อค นั้นถือเป็นสถานที่สำคัญเก่าแก่ของ ลิเวอร์พูล ซึ่งมีที่มาจากไอเดียของนาย เจสซี ฮาร์ทลี่ย์ ที่ต้องการให้เป็นศูนย์รวมแบบครบวงจรสำหรับเป็นเมืองท่าใหญ่ทางตอนเหนือของประเทศ คือมีทั้งท่าเรือและก็ตัวอาคารสำหรับเป็นที่เก็บสินค้าอย่างมีระบบระเบียบในตัว

การออกแบบร่วมกับ ฟิลิป ฮาร์ดวิค วิศวกรท้องถิ่น ส่งผลให้ที่นี่ซึ่งสร้างเสร็จเมื่อปี 1847 กลายเป็นสถาปัตยกรรมแห่งแรกในสหราชอาณาจักรที่สร้างขึ้นด้วยเหล็ก อิฐ และหิน โดยไม่มีไม้เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างหลักอยู่เลย

ทุกวันนี้ อัลเบิร์ต ด็อค ไม่ได้ถูกใช้งานในฐานะโกดังเก็บของหรือท่าเรืออีกแล้ว แต่กลายเป็นคอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านค้าที่ระลึกกับร้านกาแฟเก๋ๆไปแทน ไว้ว่างๆจะหาเวลากลับไปเก็บภาพมาให้ดูกันเพิ่ม

เดอะบีทเทิลส์ สตอรี่ เองก็ตั้งอยู่ในย่าน อัลเบิร์ต ด็อค นี่เอง โดยเริ่มเปิดบริการให้เข้าไปซึมซับเรื่องราวเก่าๆของสี่เต่าทองกันมาตั้งแต่ ปี 1990 อยากได้รายละเอียดเพิ่มเติม ให้ลองแวะเข้าไปดูต่อที่ www.beatlesstory.com

หรือ ถ้ามีโอกาสแวะไปแถวนั้น ก็ลองแวะเข้าไปชมได้ สนนราคาสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ 12.50 ปอนด์ ในยุคที่เงินปอนด์อ่อนแรงเหลือแค่ 51 บาทไทย คูณแล้วก็อยู่ที่หกร้อยฝ่าบาท ไม่แพงเท่าไหร่นะ

นับค่าเครื่องบินมาลอนดอนแล้วต่อรถไฟมาลิเวอร์พูล คำนวณค่ากินค่าอยู่แล้วก็...เอ่อ ชักเยอะเหมือนกันแฮะ

นี่ละครับ ปากทางเข้าอุโมงค์ดูดเงิน


ตอนที่ผ่านไปครั้งแรก มีเจ้าตัวนี้ที่ชื่อ ซูเปอร์แลมบ์บานาน่า ซึ่งไปโผล่อยู่ทั่ว ลิเวอร์พูล ในรูปแบบต่างๆ ช่วงที่ทางเมืองรับหน้าเสื่อเป็น European Capital of Culture 2008 ตัวที่อยู่หน้าพิพิธภัณฑ์บีทเทิลส์ก็ต้องมีหน้าตาแบบนี้แหละ


ตรงจุดเริ่มก็จะเล่าย้อนไปถึงต้นกำเนิดของร็อคแอนด์โรลล์ ทั้ง ชัค เบอร์รี่, เอลวิส เป็นการนำร่อง ก่อนจะเข้าสู่เรื่องของสี่เต่าทองตรงการท้าวความเรื่องครอบครัวของแต่ละคน

ลักษณะของพิพิธภัณฑ์ก็จะคล้ายๆตอนไป เดอะเคฟเวิร์น คือเป็นอุโมงค์ลงไปในใต้ดิน พอจ่ายเงินเสร็จสรรพ ก็จะมีเฮดโฟนพร้อมอุปกรณ์เสริมให้คอยกดตัวเลขตามส่วนต่างๆเพื่อฟังข้อมูลอย่างละเอียด



ตรงนี้เป็นเครื่องดนตรีของ The Quarrymen วงแรกของ จอห์น เลนน่อน สังเกตดีๆทางซ้ายมีป้าย No
Photography แต่ตอนเข้า ถามพนักงานว่าถ่ายได้รึเปล่า มันตอบว่าถ่ายได้หน้าตาเฉย


สองรูปนี้เป็นสมาชิก เดอะบีทเทิลส์ สมัยยังเป็นนักเรียนที่ Quarry Bank High School


ที่นี่จำลองแบบ The Casbah ผับที่ เดอะบีทเทิลส์ ขึ้นเวทีแสดงร่วมกันเป็นครั้งแรก


ส่วนตรงนี้เป็นการจำลองแหล่งท่องเที่ยวในฮัมบูร์ก ที่ซึ่ง เดอะบีทเทิลส์ เริ่มออกแสดงเก็บเกี่ยวประสบการณ์


ที่ทำการของ เมอร์ซี่ย์ บีท นิตยสารดนตรีที่มีส่วนผลักดันให้ชื่อของ เดอะบีทเทิลส์ เป็นที่รู้จักในวงกว้าง


อันนี้เป็นฉากจำลองสร้างเลียนแบบ เดอะเคฟเวิร์น ผับที่ ไบรอัน เอปสไตน์ เจอกับ เดอะบีทเทิลส์ เป็นครั้งแรก


ถัดมาก็เป็นห้องบันทึกเสียง แอบบีย์ โรด (Abbey Road)


ตรงนี้เป็นส่วนของ เยลโลว์ซับมารีน มีการทำเป็นห้องบังคับการเรือดำน้ำให้เข้าไปเดินเล่นด้วย



ใกล้มาถึงช่วงท้ายแล้ว ตรงนี้จะเป็นของที่ระลึกหรือของสำคัญๆที่เกี่ยวกับสมาชิกแต่ละคนของวงในยุคปลาย ก่อนประกาศแยกย้ายอย่างเป็นทางการ



พอผ่านจุดนั้นมาก็จะเป็นซุ้มของสมาชิกแต่ละคนในยุคแยกย้าย จะมีผลงานแล้วก็ของกระจุกกระจิกเล็กๆน้อยๆ ที่บ่งบอกถึงบุคลิกเฉพาะตัว





ของใครเป็นของใคร เดากันได้ไม่ยาก




ปิดท้ายก่อนจากด้วยเปียโนและกีตาร์ในห้องสีขาวที่จัดไว้เพื่อให้ระลึกถึง เลนน่อน โดยเฉพาะ


จริงๆก่อนจาก ยังมีตู้หลอกเงินแบบที่เราต้องหยอดเหรียญ 1 เพนซ์ลงไปเพื่อให้บีบอัดออกมาเป็นรูปของสมาชิกกับโลโกบีทเทิลส์ด้วย ค่าใช้จ่ายก็อยู่ที่ 50 เพนซ์ แต่สงสัยจะลบรูปในโทรศัพท์ไปแล้ว แฮ่ๆ

ก็เป็นอันว่าจบทริปแอบดูเต่าทองที่ ลิเวอร์พูล เรียบร้อย ถ้าค่อยๆเดินซึมซับเก็บข้อมูลแบบละเอียดหน่อย ก็จะกินเวลาประมาณสามชั่วโมงเศษ เหนื่อยเหมือนกันนะนี่

แต่ที่เหนื่อยกว่าคือต้องมานั่งเขียนกับโหลดรูปลงบล็อกนี่แหละ แฮะๆ... (แล้วใครใช้ให้มานั่งเขียนวะ)

1 ความคิดเห็น:

trojan กล่าวว่า...

มาเยี่ยมอีกครั้ง คราวนี้ภาพเยอะ เพลินดี เมื่อคืนวานเห็นออกโทรทัศน์อีกครั้ง ว่าแต่........ไปนั่งทำไรหลังป้ายล่ะนั่น เห็นแล้วนึกถึงสมัยชิงช้าชา(ตรี) แต่ดีหน่อยตรงที่ไม่ได้นอน ถ้านอนยาว คงยะเยือกทีเดียว 5555